คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นทำ SEO Content

SEO Content คือเนื้อหาออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อทำ อันดับในเครื่องมือค้นหา (เช่น Google) นอกจากนี้เนื้อหาที่เขียนขึ้นมาสำหรับทำ SEO จะถูกปรับให้เหมาะสมกับคำหลักที่เฉพาะเจาะจง และเมื่อพูดถึงการเพิ่มประสิทธิภาพกลไก SEO เนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ในความเป็นจริง HubSpot รายงานว่าธุรกิจที่เผยแพร่บทความในบล็อกเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอได้รับการเข้าชมมากถึง 350% มากกว่าธุรกิจที่ไม่ได้เผยแพร่เนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ

Google ได้ออกมากล่าวว่าเนื้อหาเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการประสบความสำเร็จทางด้าน SEO โดยเฉพาะ “เนื้อหา” ที่เข้ามาเป็นหนึ่งใน 3 อันดับแรกของ Google สำหรับปัจจัยของการจัดอันดับ และกลยุทธ์เนื้อหาที่เน้น SEO นี้เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่สามารถทำใ้ห้เพิ่มผู้เข้าชมได้อย่างแน่นอน

ข้อมูลเนื้อหาในหัวข้อนี้

วิธีการเขียนเนื้อหา SEO

ขั้นตอนที่ 1 เลือกหัวข้อ

ขั้นตอนแรกของคุณคือการกำหนดหัวข้อสำหรับเนื้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณต้องการครอบคลุมหัวข้อที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณให้เกิดความสนใจ อีกเทคนิคหนึ่งคือการเข้าไปดูบล็อกโพสต์ วิดีโอและอินโฟกราฟิกยอดนิยมจากบล็อกคู่แข่ง เพื่อวิเคราะห์และนำมาปรับแต่งในเว็บไซต์ของเรา

ขั้นตอนที่ 2 ค้นหาคำหลัก (Keyword)

ตอนนี้ถึงเวลาค้นหาคำหลักสำหรับเนื้อหาของคุณแล้ว การวิเคราะห์ Keyword เป็นหัวข้อใหญ่ เป็นเรื่องที่ยุ่งยากเล็กน้อย แต่เชื่อหรือไม่ว่าเราสามารถหามันได้ เพียงใช้เทคนิคการวิจัยคำหลักสั้นๆ จำนวนหนึ่งที่ใช้ได้ผลดี หรือตอนนี้นั่นก็คือการค้นหาใน Google เพื่อดูคำหางที่ผู้คนนิยมใช้กัน คุณสามารถเห็น Keyword ที่ผู้คนกำลังค้นหาอยู่ในขณะนี้ได้แบบทันที ทำให้สามารถเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ขั้นตอนที่ 3 เขียนเนื้อหาที่ครอบคลุม

หากคุณต้องการให้เนื้อหาของคุณได้รับการจัดอันดับใน Google เนื้อหาจะต้องน่าดึงดูด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ “ เนื้อหาที่มีคุณภาพ” นั้นยังไม่พอ หลายครั้งที่เนื้อหาเรานั้นติดอันดับขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่กลับกันก็ยังมีบ้างเนื้อหาที่ไม่ติดอันดับเลย ในความเป็นจริงเนื้อหาที่น่าดึงดูดคือกุญแจสู่ความสำเร็จของ SEO

คุณจะต้องเขียนเนื้อหาที่ครอบคลุม อย่างเช่น“ 5 เคล็ดลับ SEO บนมือถือ” นั้นก็เพราะว่าเนื้อหาที่ครอบคลุมมีโอกาสที่จะติดอันดับ 1 ใน Google ได้ดีกว่าโพสต์สั้นๆ เนื้อหาที่ครอบคลุมมักจะยาวกว่าบล็อกโพสต์ 400 คำทั่วไปในความเป็นจริงการศึกษาสัญญาณการจัดอันดับของ Google พบว่าผลลัพธ์ 10 อันดับแรกสำหรับคำหลักส่วนใหญ่มักจะมีความยาวประมาณ 2,000 คำ

ทำไมเนื้อหาแบบยาวจึงมีอันดับที่ดีกว่า

  •  เนื้อหาที่ยาวขึ้นช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ Google เกี่ยวกับหัวข้อของหน้าเว็บนั้น ทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นว่าเพจของคุณมีคุณภาพ และมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำหลักเหล่านั้น
  • บทความแบบยาวสามารถครอบคลุม A LOT ได้มากกว่าบล็อกโพสต์ 300 คำในหัวข้อเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าบทความที่ยาวจะสามารถตอบคำถามของผู้ค้นหาได้ดีกว่าเนื้อหาสั้นๆ

ขั้นตอนที่ 4 เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับผู้ใช้

การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้ เชื่อว่าทุกคนนั้นต้องการให้เนื้อหาที่เขียนมาอ่านเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้อ่านให้ได้มากที่สุด แต่ความจริงแล้วเนื้อหาของคุณนั้นดันอ่านและทำความเข้าใจได้ยาก แน่นอนว่าเนื้อหาเหล่านี้จะไม่สามรถติดอันดับได้อย่างแน่นอน (แม้ว่าคุณจะทำ SEO บนหน้าของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบก็ตาม)

นั่นเป็นเพราะตอนนี้ Google ใช้ “ สัญญาณประสบการณ์ผู้ใช้ User Experience Signals” เป็นหลัก ยิ่งผู้เข้าชมอยู่บนหน้าเว็บไซต์ของเรานานเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เป็นวิธีการค้นหาว่าผลลัพธ์ใดสมควรที่จะอยู่ในอันดับที่ 1 ใน SERP ดังนั้นหากผู้คนชื่นชอบเนื้อหาของคุณก็จะได้รับการจัดอันดับเพิ่มขึ้น

งานวิจัยชี้ว่า ผู้คนนั้นอ่านประโยคสั้นๆ มากกว่าบล็อกข้อความยาวๆ ที่มีเนื้อหาเยอะจนลายตา ไม่มีการเคาะบรรทัด การเพิ่มรูปภาพที่ด้านบนของทุกหน้าจัดชิดขวาของย่อหน้าแรก สามารถทำให้ผู้อ่านสนใจมากขึ้นได้ หรือจะเพิ่ม วิดีโอ เสียง แผนภาพ แผนภูมิ เพื่อสื่อความหมายให้ชัดเจนมากขึ้นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

คนที่ชอบวิดีโอจะกลับมานั่งดูวิดีโอ YouTube ของคุณ คนที่ชอบอ่านจะอ่านบล็อกโพสต์ของคุณ และคนที่ชอบฟังเสียงจะใส่หูฟังและฟังพอดคาสต์ของคุณ เราเชื่อว่าการใช้มัลติมีเดียคุ้มค่ากับความพยายามในการขึ้นอันดับอย่างแน่นอน สุดท้ายใช้หัวข้อย่อย Hashtag เพื่อแยกเนื้อหาของคุณ นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเนื้อหาแบบยาว

ขั้นตอนที่ 5 คำหลัก – เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณ

ขั้นตอนนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการทำให้เนื้อหาของคุณเป็นมิตรกับ SEO ภายใน 100 คำแรกควรที่จะมีคำหลักที่เราใช้ ทำไมคำหลักในเนื้อหาถึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ยิ่งคำหลักปรากฏในหน้าสูงเท่าใด Google ก็จะพิจารณาหน้านั้นมีความเชื่อมโยงกับคำหลักมากขึ้น เราสามารถเพิ่มลิงก์ภายในไปยังเนื้อหาอื่น ๆ บนเว็บไซต์ของตัวเองได้

การำ SEO นั้นจะต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่จะติดอันดับคีย์เวิร์ดที่ยากๆ นี่คือเหตุผลที่เราเลือกเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาด้วยคำหลัก นี้คือเทคนิคสำคัญอย่างมากสำหรับการทำอันดับคำหลักที่มีการแข่งขันน้อยให้ติดหน้าแรกได้อย่างรวดเร็ว

ขั้นตอนที่ 6 แบ่งปันข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย

โปรโมตเนื้อหาของคุณบนโซเชียลมีเดีย หากคุณเปิดบล็อกการทำอาหารคุณจะต้องมุ่งเน้นไปที่ Pinterest หรือ Instagram แต่ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่การตลาดดิจิทัลแพลตฟอร์มอย่าง Twitter ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า เทคนิคที่ต้องจำเอาไว้ เพราะมันสามารถช่วยคณไอย่างแน่นอน

ขั้นตอนที่ 7 สร้างลิงค์

ปัจจุบัน ลิงค์ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง “สำหรับการจัดอันดับใน Google” การเชื่อมโยงลิงค์แบบภายในเป็นการปรับสมดุลเนื้อหาได้ดีอีกหนึ่งวิธี เราสามารถเลือกทำลิงค์ในหน้าบทความที่มีคนสนใจมาก ไปยังอีกหน้าที่มีคนสนใจน้อยได้ เพื่อกระจายความเท่าเทียมในหน้าเว็บ เป็นอีกหนึ่งวิธีการดันอันดับในเว็บไซต์ที่ดีมากๆ

ขั้นตอนที่ 8 วิเคราะห์ผลลัพธ์

ขั้นตอนสุดท้ายคือการดูว่าเนื้อหาของคุณทำงานอย่างไร หากคุณต้องการจะดูเปอร์เซ็นต์ของบทความนี้ เราขอแนะนำให้ติดตามการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหาของเพจคุณ และการเข้าชมทั่วไป (โดยใช้ Google Analytics ) หรือจะเลือกดู”การแสดงผล” ใน Search Console ก็ทำได้เช่นเดียวกัน

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบก็คือ SEO เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ต่อให้คุณจะทำตามขั้นตอนที่เราบอกไว้ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เวลาประมาณ  2-3 เดือนเพื่อให้ SEO เริ่มทำงาน ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าเนื้อหาใหม่เอี่ยมจะสามารถติดอันดับบน Google ได้อย่างรวดเร็วในวันถัดไป หวังว่าคุณจะได้รับคุณค่ามากมายจากคู่มือเนื้อหา SEO ที่ได้เขียนขึ้นมานี้