สร้างโฆษณาออนไลน์ด้วยตนเองผ่าน Facebook Ads

การเสนอขายสินค้าและบริการผ่านโฆษณาออนไลน์ เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากมาย และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น การยิงแอดผ่าน Facebook Ads ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่หลายคนเลือกใช้ในการโฆษณาธุรกิจของตนเอง ซึ่งสำหรับผู้เริ่มต้นสร้างโฆษณาเองนั้นอาจเกิดปัญหาไม่เข้าใจในระบบการตั้งค่าต่างๆ บทความนี้จะมาแนะนำวิธีสร้างโฆษณาออนไลน์ด้วยตนเองผ่าน Facebook Ads ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ พร้อมด้วยรายละเอียด 6 ขั้นตอน ดังนี้

ข้อมูลเนื้อหาในหัวข้อนี้

1. สร้างโฆษณาด้วย Facebook Ads

เมื่อคุณต้องการสร้างโฆษณาบน Facebook เพื่อใช้ในการโปรโมทธุรกิจของคุณ ขั้นตอนแรกคุณจะต้องเข้าระบบบัญชีของคุณก่อน จากนั้นให้เข้าไปที่แถบเมนู แล้วเลือกที่คำว่า “สร้างโฆษณา”

2. กำหนดวัตถุประสงค์ทางการตลาด (Marketing Objective)

การจะสร้างโฆษณาธุรกิจจะต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่าคุณต้องการสร้างโฆษณาเพื่ออะไร ความสนใจหรือจุดมุ่งหวังในการสร้างโฆษณานี้มีอะไรบ้าง การกำหนดรายละเอียดต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถสร้างโฆษณาได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ สิ่งที่คุณจะต้องกำหนดมี 3 ข้อหลัก คือ การรับรู้ การพิจารณา และคอนเวอร์ชั่น

การรับรู้ (Awareness)

  • การรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)
    วัตถุประสงค์ของการรับรู้แบรนด์ คือ การสร้างโฆษณาเพื่อให้มีผู้รู้จักกับธุรกิจของคุณมากขึ้น ทำให้เกิดการรับรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์ สามารถจดจำแบรนด์ของคุณได้ สร้างความสนใจและโน้มน้าวใจให้ผู้คนมาซื้อสินค้าและบริการจากคุณ
  • การเข้าถึง (Reach)
    วัตถุประสงค์ของการเข้าถึง คือ การสร้างโฆษณาธุรกิจเพื่อให้มีผู้ที่สามารถเข้าถึงโฆษณาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากยิ่งขึ้น

การพิจารณา (Consideration)

  • จำนวนผู้เข้าชม (Traffic)
    การเพิ่มจำนวนผู้เข้าชม คือ การสร้างโฆษณาเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ที่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นของธุรกิจคุณได้ ซึ่งอาจมาจากผู้ใช้บริการในเฟสบุ๊ค และผู้ใช้บริการภายนอก
  • การมีส่วนร่วม (Engagement)
    การตั้งค่าเพื่อการมีส่วนร่วม คือ การสร้างโฆษณาเพื่อเพิ่มจำนวนผู้คนที่สามารถมองเห็นโพสต์ของคุณ เพื่อทำให้เกิดความสนใจในการแสดงออกถึงความสนใจในโพสต์ (Post Engagement) สนใจกดถูกใจเพื่อติดตามเพจ (Page Likes) หรือเกิดการมีส่วนร่วมกับกิจกรรม (Event Responses) เช่น การแสดงความคิดเห็น การกดถูกใจ การกดแชร์ และการเข้าร่วมกิจกรรม
  • จำนวนการติดตั้งแอพ (App Installs)
    การเพิ่มจำนวนการติดตั้งแอพ คือ การสร้างโฆษณาเพื่อการเชิญชวนผู้คนที่เห็นโฆษณาให้เกิดความสนใจในการติดตั้งแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ซึ่งอาจจะเป็นแอพพลิเคชั่นแบบฟรีที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หรืออาจเป็นแอพพลิเคชั่นแบบเสียเงินก็ได้ การโฆษณานี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้คนติดตั้งหรือซื้อแอพเพิ่มขึ้นได้นั่นเอง
  • จำนวนการรับชมวิดีโอ (Video Views)
    การตั้งค่าเพื่อจำนวนการรับชมวิดีโอ คือ การสร้างโฆษณาเพื่อเพิ่มจำนวนของผู้ที่จะรับชมวิดีโอจากธุรกิจของคุณ ซึ่งหากคุณมีการทำธุรกิจผ่านการใช้สื่ออย่างวิดีโออยู่เป็นประจำ การตั้งค่านี้จะช่วยทำให้คุณมียอดผู้เข้าถึงวิดีโอของคุณเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
  • การสร้างลูกค้าเป้าหมาย (Lead Generation)
    วัตถุประสงค์ของการสร้างลูกค้าเป้าหมาย คือ การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในธุรกิจของคุณ และสร้างโฆษณาที่จะช่วยตอบสนองต่อความสนใจในสินค้าและบริการของผู้คนเหล่านั้นได้
  • ข้อความ (Messages)
    การสร้างโฆษณาด้วยการตั้งค่าข้อความ คือ การสร้างโฆษณาโดยมีวัตถุประสงค์ทางการตลาดเพื่อให้เกิดการติดต่อสื่อสารผ่านทางช่องทางข้อความแชท หรือ Messeage ของเฟสบุ๊ค เพื่อให้ผู้คนที่สนใจในธุรกิจสามารถติดต่อกับเพจได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถส่งข้อความไปยังผู้ที่เคยติดต่อกับเพจเพื่อทำการนำเสนอโปรโมชั่นต่างๆ ที่น่าสนใจได้อีกด้วย ช่วยให้ลูกค้าเก่าของเราสามารถเข้าถึงข้อเสนอที่น่าสนใจได้โดยตรง และเกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายดายขึ้น

คอนเวอร์ชั่น (Conversion)

  • คอนเวอร์ชั่น (Conversions)
    คอนเวอร์ชั่น คือ การสร้างโฆษณาที่กระตุ้นให้ผู้คนดำเนินการต่างๆ ที่ทำให้เกิดมูลค่าบนเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ ซึ่งอาจเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทะเบียน การซื้อขายสินค้าบนหน้าเว็บไซต์ การดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น เป็นต้น
  • การขายสินค้าจากแค็ตตาล็อก (Product Catalogue Sales)
    การขายสินค้าจากแค็ตตาล็อก คือ การสร้างโฆษณาที่ช่วยในการแสดงสินค้าจากเว็บไซต์ขายสินค้าของคุณ เพื่อช่วยให้การขายสินค้าและบริการเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น
  • การเยี่ยมชมหน้าร้าน (Store Visits)
    การเยี่ยมชมหน้าร้าน คือ การโฆษณาด้วยการโปรโมทตำแหน่งที่ตั้งของธุรกิจ หากธุรกิจของคุณมีหน้าร้านอยู่แล้ว การตั้งค่านี้จะช่วยให้ผู้คนที่มีที่อยู่อาศัยใกล้กับตำแหน่งที่ตั้งร้านได้ทราบถึงการมีอยู่ของธุรกิจ จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการนำเสนอขายให้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น

3. ตั้งค่าบัญชีผู้ใช้โฆษณา (Advert Account)

เมื่อเสร็จสิ้นการเลือกวัตถุประสงค์ทางการตลาดในการสร้างโฆษณาแล้ว คุณจะเข้าสู่หน้าของ “ชื่อแคมเปญ” ซึ่งสามารถตั้งค่าชื่อโฆษณาของคุณได้ในขั้นตอนนี้ เมื่อเสร็จสิ้นให้คุณเลือกที่ “ตั้งค่าบัญชีผู้ใช้โฆษณา” ระบบจะแสดงการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ของคุณ ได้แก่ ประเทศของบัญชี (Account Country) สกุลเงิน (Currency) และโซนเวลา (Time Zone)

คุณสามารถเลือกกำหนดรายละเอียดที่มากขึ้นได้ด้วยการคลิกที่ “แสดงตัวเลือกขั้นสูง” เพื่อตั้งค่าบัญชีโฆษณาของคุณ หรือคุณอาจข้ามตัวเลือกนี้ไปก็ได้หากต้องการ เมื่อตั้งค่าบัญชีผู้ใช้เสร็จสิ้นแล้วให้คลิกที่คำว่า “ดำเนินการต่อ”

4. กำหนดรายละเอียดโฆษณา

การกำหนดรายละเอียดของโฆษณาจะช่วยให้คุณสามารถสร้างโฆษณาที่ตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจได้ คุณสามารถกำหนดได้ทั้งรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมาย ตำแหน่งการจัดวาง รวมถึงงบประมาณและเวลา ซึ่งจะช่วยให้โฆษณาของคุณสามารถแสดงผลไปยังกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบที่คุณต้องการได้ และมีค่าใช้จ่ายในงบประมาณที่คุณกำหนดเอง

กลุ่มเป้าหมาย (Audience)

การกำหนดกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้คุณสามารถเลือกได้ว่าผู้คนกลุ่มได้บ้างจะสามารถเห็นโฆษณาของคุณได้ ยิ่งคุณกำหนดรายละเอียดกลุ่มเป้าหมายให้ละเอียดเท่าไร โฆษณาของคุณก็จะยิ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณเอง

  • กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง (Custom Audience)
    การตั้งค่ากำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเอง คุณสามารถสร้างโฆษณาที่มีรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายในแบบของตัวคุณเองได้ ซึ่งหากคุณเลือกตัวเลือกนี้อาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการตั้งค่าบ้าง เพราะคุณจะต้องกำหนดรายละเอียดต่างๆ ด้วยตนเอง
  • ตำแหน่งที่ตั้ง (Locations)
    การตั้งค่ากำหนดตำแหน่งที่ตั้ง คุณสามารถเลือกกำหนดพื้นที่ของผู้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ เมื่อคุณกำหนดพื้นที่ที่ต้องการจะโฆษณาธุรกิจของคุณแล้ว คุณจะกำหนดได้ว่าต้องการแสดงโฆษณาสำหรับทุกคนที่อยู่ในพื้นที่นั้นหรือไม่ หรือต้องการแสดงโฆษณาเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยในตำแหน่งนั้น ผู้ที่เพิ่งเดินทางมาในตำแหน่งที่ตั้ง หรือรวมถึงผู้ที่กำลังเดินทางมายังตำแหน่งที่ตั้งนั้นด้วย
  • อายุ (Age)
    การตั้งค่าอายุจะช่วยให้คุณสามารกำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณอย่างละเอียดขึ้นด้วยการกำหนดช่วงอายุ ซึ่งสามารถกำหนดอายุเริ่มต้นและอายุสูงสุด ทำให้ผู้ที่สามารถเข้าถึงโฆษณาอยู่ในช่วงอายุที่ต้องการ หากธุรกิจของคุณเป็นสินค้าที่เจาะจงสำหรับผู้สูงอายุแล้ว การกำหนดช่วงอายุสำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะจะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาการแสดงโฆษณาสินค้าและบริการกับผู้ที่มีอายุอยู่ในช่วงวัยรุ่น หรือหากธุรกิจของคุณมีกลุ่มเป้าหมายที่อายุน้อย คุณก็สามารถกำหนดได้ว่ากลุ่มเป้าหมายควรมีอายุสูงสุดไม่เกินเท่าใด
  • เพศ (Gender)
    การกำหนดเพศเหมาะกับผู้ทำธุรกิจที่มีการแบ่งแยกการใช้สินค้าและบริการตามเพศของผู้ใช้อย่างชัดเจน หากคุณทำธุรกิจเพื่อเสนอขายผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย การเลือกกลุ่มเป้าหมายโดยเจาะจงที่เพศชายโดยเฉพาะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายมากกว่าการไม่เจาะจงเพศของกลุ่มเป้าหมายเลย
  • ภาษา (Languages)
    การตั้งค่าภาษาจะช่วยกำหนดภาษาของกลุ่มเป้าหมาย หากคุณนำเสนอธุรกิจของคุณด้วยโฆษณาภาษาไทย คงไม่ดีแน่หากโฆษณาที่สร้างไว้ไปปรากฏให้ผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษเห็น
  • การกำหนดเป้าหมายแบบละเอียด (Detailed Targeting)
    สำหรับการกำหนดเป้าหมายแบบละเอียดนั้น คุณสามารถระบุได้ถึงข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ ความสนใจ หรือพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และยังสามารถกำหนดผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นโฆษณาของคุณได้อีกด้วย
  • การเชื่อมต่อ (Connections)
    การกำหนดข้อมูลการเชื่อมต่อจะช่วยให้คุณสามารถกำหนดได้ว่าจะให้โฆษณามีการเชื่อมต่อกับอะไรได้บ้าง เช่น การเชื่อมต่อกิจกรรมกับเพจของเฟสบุ๊ค การเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น และการเชื่อมต่อกับกิจกรรม ซึ่งสามารถเลือกกำหนดได้ว่าผู้โฆษณาของคุณจะแสดงให้ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้เห็นหรือไม่ หรือจะยกเว้นให้ผู้คนเหล่านี้ไม่เห็นโฆษณาของคุณเลย

ตำแหน่งการจัดวาง (Placement)

  • ตำแหน่งการจัดวางอัตโนมัติ (Automatic Placements)
    โฆษณาของคุณจะถูกตั้งค่าให้มีการแสดงต่อกลุ่มเป้าหมายในตำแหน่งต่างๆ โดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบของ Facebook จะช่วยพิจารณาการเลือกตำแหน่งจัดวางให้คุณเอง โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพสูงสุดในการโฆษณา ซึ่งจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาในการตั้งค่าต่างๆ ด้วยตนเอง
  • แก้ไขตำแหน่งการจัดวาง (Edit Placements)
    การแก้ไขตำแหน่งการจัดวางจะช่วยให้คุณสามารถระบุรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ต้องการจะแสดงโฆษณา และสามารถระบุแพลตฟอร์มที่คุณต้องการให้แสดงโฆษณาได้ การกำหนดรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้คุณกำหนดได้ชัดเจนขึ้นว่าคุณต้องการให้ผู้คนเห็นโฆษณาจากแพลตฟอร์มใดบ้าง ซึ่งจะช่วยให้โฆษณาของคุณมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

งบประมาณและกำหนดเวลา (Budget & Schedule)

  • งบประมาณต่อวัน (Daily Budget)
    การกำหนดงบประมาณต่อวัน คือ การตั้งค่างบประมาณเฉลี่ยที่ใช้ในแต่ละวัน คุณสามารถเลือกกำหนดได้ว่าในหนึ่งวันจะใช้งบสำหรับการค่าโฆษณาเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่บางครั้งด้วยรูปแบบการโฆษณาของ Facebook การตั้งค่านี้อาจทำให้มีงบประมาณที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คุณตั้งไว้ได้ ซึ่งหากต้องการหลีกเลี่ยงปัญหานี้คุณอาจเลือกใช้การตั้งค่าแบบตลอดอายุการใช้งานแทน
  • งบประมาณตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Budget)
    การกำหนดงบประมาณตลอดอายุการใช้งาน คือ การตั้งค่างบประมาณทั้งหมดที่คุณต้องการจะใช้จ่ายในการโฆษณาตลอดช่วงเวลาที่มีการโฆษณา ส่วนใหญ่งบประมาณนี้จะถูกเฉลี่ยให้มีการใช้จ่ายในจำนวนที่เท่ากันในแต่ละวัน บางวันอาจมีการใช้จ่ายมากขึ้นหากระบบเห็นว่าผลลัพธ์ของการโฆษณาในวันนั้นมีผลดีกว่าวันอื่นๆ และเมื่อรวมจำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว คุณจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มขึ้นเกินกว่างบประมาณที่กำหนดไว้ ถึงแม้โฆษณาจะแสดงผลมากเกินกว่างบที่ตั้งไว้ก็ตาม

5. สร้างโพสต์เพื่อทำโฆษณา

หลังจากที่คุณตั้งค่ารายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการสร้างโฆษณาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนนี้จะเป็นการสร้างโพสต์ขึ้นเพื่อใช้โฆษณาสินค้าและบริการของคุณ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะสร้างโพสต์สำหรับการโฆษณาขึ้นมาใหม่ หรือเลือกโฆษณาด้วยการใช้โพสต์ที่มีอยู่เดิม

การสร้างโฆษณาใหม่

  • เพจ (Page)
    การตั้งค่าเพจ คุณสามารถตั้งค่าเพจที่ใช้ในการโฆษณาได้ โดยเลือกเพจธุรกิจของคุณ และคุณยังสามารถเพิ่มบัญชีอินสตาแกรม (Instagram) ที่เชื่อมโยงกับเพจของคุณได้ ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงเพจและอินสตาแกรมของคุณได้ง่ายขึ้น
  • รูปแบบ (Format)
    การกำหนดรูปแบบโฆษณา คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการจะสร้างโพสต์โฆษณาด้วยรูปภาพหรือวิดีโอ ซึ่งสามารถกำหนดได้ 4 รูปแบบ คือ ภาพสไลด์ (Carousel) ภาพเดียว (Single Image) วิดีโอเดียว (Single Video) และสไลด์โชว์ (Slideshow)
  • รูปภาพ (Image)
    การเพิ่มรูปภาพในการโฆษณา คุณสามารถเลือกอัพโหลดรูปภาพทีละหลายรูปเพื่อทำการโฆษณาสินค้าและบริการของคุณได้ โดยสามารถอัพโหลดได้สูงสุดครั้งละ 6 ภาพ
  • ข้อความ (Text)
    การระบุข้อความโฆษณา ข้อมูลจะเป็นข้อความที่ใช้สำหรับโฆษณาธุรกิจของคุณ แนะนำให้อธิบายรายละเอียดของสินค้าและบริการของคุณให้กระชับและชัดเจน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายของคุณเกิดความสนใจในธุรกิจของคุณได้ และคุณยังสามารถเพิ่มเติมลิงค์ URL ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการแสดงโฆษณาได้ด้วยเช่นกัน

ใช้โพสต์ที่มีอยู่แล้ว

สำหรับขั้นตอนนี้ คุณสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการสร้างโฆษณาจากการเลือกโพสต์ที่มีอยู่ภายในเพจของคุณมาโปรโมท ซึ่งคุณสามารถดูตัวอย่างโฆษณาที่จะปรากฏได้ และสามารถตั้งค่าด้วย “แสดงตัวเลือกขั้นสูง” เพื่อจัดการการตั้งค่าเพจและโพสต์ให้มีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการมากขึ้น

6. ยืนยันการสร้างโฆษณา

หลังจากการเสร็จสิ้นการตั้งค่าทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถยืนยันการสร้างโฆษณาของคุณกับทาง Facebook ได้ทันที หากคุณต้องการตรวจสอบรายละเอียดของการตั้งค่าทั้งหมด คุณสามารถเลือกที่คำว่า “ตรวจพิจารณา” และเมื่อคุณตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว ให้คุณเลือกที่คำว่า “ยืนยัน” การสร้างโฆษณาของคุณก็จะเป็นการเสร็จสิ้นทันที

การสร้างโฆษณาออนไลน์ผ่าน Facebook Ads เป็นวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วขึ้น สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มโอกาสการขายสินค้าและบริการให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่การที่โฆษณาจะประสบความสำเร็จได้นั้นยังมีเคล็ดลับในการสร้างโฆษณาออนไลน์อยู่ด้วย ซึ่งด้วยเคล็ดลับต่างๆ จะช่วยให้โฆษณาของคุณกลายเป็นโฆษณาที่มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจได้เป็นอย่างดี