หน้าเว็บคือหน้าเอกสารแต่ละหน้าของเว็บไซต์ หลักการในการสร้างเว็บเพจสามารถสรุปได้ดังนี้
- การวางแผน
กำหนดเนื้อหาก่อนติดตั้งเว็บไซต์เราต้องรู้ว่าเราจะทำเว็บเกี่ยวกับอะไร เนื้อหาเป็นอย่างไรกลุ่มเป้าหมายคืออะไร ทั้งนี้เพื่อให้เราสามารถนำเนื้อหาที่พวกเขามาใส่ในเว็บเพื่อแสดงให้เห็นว่า เนื้อหาโดยรวมเกี่ยวกับอะไร เช่น เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ต้องมีข้อมูลของคอมพิวเตอร์แต่ละประเภทคุณสมบัติราคาของแต่ละรุ่นและสถานที่จำหน่ายเป็นต้น
การออกแบบในมุมมองหน้า (LayOut) คือองค์ประกอบในเว็บเพจควรเป็นอย่างไร ทำได้โดยการร่างกระดาษเปล่าหรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบ การใช้ตารางเพื่อช่วยจัดองค์ประกอบบนหน้าเว็บจะทำให้หน้าเว็บเป็นระเบียบมากขึ้น และง่ายต่อการปรับเปลี่ยน
- การเตรียมการ
การเตรียมข้อมูลไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาภาพเสียงหรือสิ่งจำเป็นอื่นๆ ที่นักเรียนคิดว่าต้องการนำเสนอในการทำเว็บเพจนั้นเมื่อเรารู้แล้วว่าเราจะทำเว็บเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลก็สำคัญมากเช่นกัน ตัวอย่างเช่นหากคุณกำลังจะสร้างเว็บไซต์ของโรงเรียนคุณจะต้องหาคำขวัญของโรงเรียน สีโรงเรียนบุคลากรโรงเรียนประวัติโรงเรียน ฯลฯ ได้รับการรวบรวมแล้วนำข้อมูลนั้นมาจัดรูปแบบบนเว็บ การหาเครื่องมือเพื่อเตรียมมันเป็นเครื่องมือสำคัญที่นี่ หมายถึงโปรแกรมต่าง ๆ เช่นโปรแกรมทำงานภาพเสียงและภาพเคลื่อนไหว โปรแกรมสำหรับสร้างเว็บเพจ จะใช้โปรแกรมสำเร็จรูปหรือจะใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ในการสร้างจะต้องเตรียม
- การจัดทำ
เมื่อวางแผนและเตรียมการเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเตรียมตัวอาจจะทำคนเดียวหรือเป็นกลุ่มโดยใช้เครื่องมือที่เตรียมไว้ซึ่งจะอธิบายวิธีสร้างหรือวิธีสร้างเว็บเพจดังต่อไปนี้
- การทดสอบและการแก้ไข
การสร้างหน้าเว็บทุกครั้งควรได้รับการทดสอบก่อนทุกครั้งเพื่อหาจุดบกพร่องจากนั้นแก้ไขเว็บเมื่อเสร็จสิ้นและอับโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ พยายามแนะนำเพื่อนที่ใกล้ชิดกับการติดเชื้อและใช้อินเทอร์เน็ต ลองเปิดดูแล้วบอกข้อผิดพลาดเช่นลิงค์รูปภาพและตัวอักษรถูกต้อง ช้าเกินไปไหมถ้าฉันทดสอบในเครื่องของฉันเอง? ข้อผิดพลาดต่าง ๆ แทบจะไม่ปรากฏให้เห็นเนื่องจากข้อมูลอยู่ในตัวเครื่องและลิงค์ต่าง ๆ เช่นกันโปรแกรมจะค้นหาเครื่องจนพบ ทำให้เราไม่เห็นข้อผิดพลาดใด ๆ หลังจากทดสอบแล้วให้ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาด
- การนำเว็บเพจต่าง ๆ มารวบรวมเป็นเว็บไซต์
เมื่อสร้างหน้าเว็บเสร็จแล้วแต่ละหน้าเว็บจะได้รับการรวบรวมและรวบรวมและทำการทดสอบแก้ไขและปรับปรุงจนเสร็จสมบูรณ์ สามารถเผยแพร่หน้าเว็บทั้งหมดสู่สาธารณะในรูปแบบของเว็บไซต์
รูปแบบ โครงสร้างของเว็บไซต์
การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์สามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูล ความถนัดของผู้ออกแบบตลอดจนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการนำเสนอโครงสร้างเว็บไซต์ประกอบด้วย 4 รูปแบบใหญ่ ๆ ดังนี้
1. โครงสร้างของเว็บไซต์แบบเรียงตามลำดับ (Sequential Structure)
เป็นโครงสร้างที่เรียบง่ายที่ใช้บ่อยที่สุดเนื่องจากง่ายต่อการจัดระบบข้อมูล ข้อมูลยอดนิยมจัดเรียงในโครงสร้างเช่นนี้มักเป็นข้อมูลที่อิงตามเรื่องราวเช่นเรียงตามตัวอักษรดัชนีสารานุกรมหรืออภิธานศัพท์ โครงสร้างแบบนี้เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กเนื้อหาไม่ซับซ้อน ใช้เชื่อมโยง (Link) ไปทีละหน้า ทิศทางของเนื้อหา (Navigation) ภายในเว็บจะดำเนินไปเป็นเส้นตรงโดยมีปุ่มเดินหน้า – ถอยหลัง เป็นเครื่องมือหลักในการกำหนดทิศทาง ข้อเสียของโครงสร้างระบบนี้คือผู้ใช้ไม่สามารถกำหนดเนื้อหาให้เป็นของตนเองได้ทำให้เสียเวลา เพื่อเข้าสู่เนื้อหา
2. โครงสร้างของเว็บไซต์แบบลำดับขั้น (Hierarchical Structure)
โครงสร้างเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการจัดโครงสร้างข้อมูลที่ซับซ้อน โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนต่าง ๆ และมีรายละเอียดย่อยในแต่ละส่วนลดหลั่นกันไปในแนวคิดเดียวกับแผนผังองค์กรเป็นการเข้าใจโครงสร้างของเนื้อหาได้ง่าย คุณลักษณะที่โดดเด่นคือมีจุดเริ่มต้นเพียงจุดเดียวหน้าแรกและลิงก์ไปยังเนื้อหาในลำดับจากบนลงล่าง
3. โครงสร้างของเว็บไซต์แบบตาราง (Grid Structure)
โครงสร้างของรูปแบบนี้ซับซ้อนกว่ารูปแบบก่อนหน้า การออกแบบเพิ่มความยืดหยุ่นในการเข้าถึงเนื้อหาของผู้ใช้ โดยการเพิ่มลิงค์ซึ่งกันและกันระหว่างแต่ละเนื้อหา เหมาะที่จะแสดงความเกี่ยวข้องของเนื้อหา การป้อนเนื้อหาของผู้ใช้จะไม่เป็นเชิงเส้น เนื่องจากผู้ใช้สามารถเปลี่ยนทิศทางของเนื้อหาได้เองเช่นในการศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสมัยสุโขทัยอยุธยาธนบุรีและรัตนโกสินทร์ แต่ละสมัยจะแบ่งย่อยเป็นหัวข้อย่อยเดียวกันคือการปกครองศาสนาวัฒนธรรมและภาษาในขณะที่ผู้ใช้กำลังศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการปกครองในสมัยอยุธยาผู้ใช้สามารถศึกษาหัวข้อทางศาสนาต่อไปได้ หรือจะข้ามไปดูหัวข้อการปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ก่อนหน้าก็ได้สำหรับ เปรียบเทียบลักษณะของข้อมูลที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ
4. โครงสร้างเว็บไซต์แบบใยแมงมุม (Web Structure)
โครงสร้างประเภทนี้มีความยืดหยุ่นมากที่สุด ทุกหน้าบนเว็บสามารถเชื่อมโยงกันได้ เป็นการสร้างรูปแบบการเข้าถึงเนื้อหาที่เป็นอิสระ ผู้ใช้สามารถกำหนดวิธีการเข้าถึงเนื้อหาได้เอง แต่ละหน้าของลิงก์เนื้อหาจะขึ้นอยู่กับข้อความแนวคิดเดียวกันของแต่ละหน้าในรูปแบบของไฮเปอร์เท็กซ์หรือไฮเปอร์มีเดีย โครงสร้างนี้จัดเป็นรูปแบบที่ไม่มีโครงสร้างตายตัว (Unstructured) นอกจากนี้ลิงก์ยังไม่ จำกัด เฉพาะเนื้อหาภายในเว็บไซต์นั้น ๆ แต่สามารถเชื่อมโยงกับเนื้อหาจากไซต์ภายนอกได้
แสดงความคิดเห็น